เมื่อวันก่อนฉันจอดรถติดไฟแดงและสังเกตเห็นสติ๊กเกอร์สีสดใสบนกระจกหลังของรถคันหน้าเขียนว่า “คนขับมือใหม่ กรุณาอดทน” เมื่อคิดถึงความเดือดดาลบนท้องถนนที่เราเคยได้ยิน (หรือพบเจอ) สิ่งนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีเยี่ยมให้อดทนกับผู้ขับขี่คนอื่นๆ
ขณะมองที่สติ๊กเกอร์ ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผู้คนจะถือป้ายเตือนเราว่า เขาเป็น “พ่อแม่มือใหม่” หรือ “คริสเตียนใหม่” ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนบ้านของเรา เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่พบเจอตลอดวันประสบกับอะไรมาบ้าง เราจะอดทนกับเขามากขึ้นหรือช่วยเขาแก้ปัญหาบ้างไหม
เราอาจจะเร่งรีบทำภารกิจของวันโดยพยายามหลีกเลี่ยงการถูกผู้อื่นขัดจังหวะ แต่ให้เราพิจารณาดูวิธีที่พระเยซูทรงดูแลผู้คน พระองค์ไม่รีบร้อน พระองค์ทรงมีเมตตาต่อผู้คน และทรงใช้เวลาในการปลอบโยน สอน และสำแดงความรักแก่ทุกคนที่พระองค์พบเจอ
ในฐานะผู้เชื่อในพระเยซู เราถูกเรียกให้ “ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น” (อฟ.4:1) อัครทูตเปาโลกล่าวโดยรวมถึงการ “มีใจถ่อมลงทุกอย่าง และใจอ่อนสุภาพอดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (ข้อ 2) และพยายามทุกทางที่จะดำเนินชีวิตอย่างสันติและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับทุกคน (ข้อ 3)
เราอาจไม่รู้ว่าผู้คนเหล่านั้นเผชิญความท้าทายอะไรมาบ้าง แต่เราสามารถอดทนกับพวกเขาได้ ขอให้เราสำแดงความรักของพระเยซูแก่ทุกคนที่เราพบเจอในชีวิตแต่ละวันของเรา
ลูกา 23:34
ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า "โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"
การลักพาตัวพยาบาล แอลิกซ์ ดอร์เซนวิล และลูกสาวของเธอในปี 2023 ขณะอาศัยอยู่ในเฮติกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก แม้ว่าพวกเธอจะถูกจับเป็นตัวประกันถึง 13 วัน แต่แอลิกซ์ ผู้เป็นชาวนิวแฮมป์เชียร์ได้กล่าวว่า เธอไม่ได้โกรธแค้นผู้ลักพาตัวเหล่านั้น และประตูคลินิกของเธอจะเปิดรับพวกเขาหากพวกเขาเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมา เธอกล่าวว่า “ฉันรักพวกคุณในพระคริสต์ และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กอดพวกคุณในสวรรค์”
น่าทึ่งมากที่แอลิกซ์มีความกล้าหาญ มีความแข็งแกร่งที่จะให้อภัยผู้ลักพาตัวเธอได้ แต่เรารู้ว่า พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดแก่เราในเรื่องการแสวงหาพระคุณเพื่อให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา สร้างความหมางใจ หรือปฏิบัติไม่ดีต่อเรา
พระองค์ไม่เพียงบอกให้เรารักศัตรูของเราและอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงเราเท่านั้น (มัทธิว 5:43-48) แต่พระองค์ได้ทรงสำแดงตัวอย่างของการให้อภัยสูงสุดเอาไว้บนไม้กางเขน พระคริสต์ถูกทุบตี ถูกเยาะเย้ย และถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อเราทั้งหลาย แม้ใน “ขณะที่เรายังเป็นศัตรูกับพระองค์” (โรม 5:10) แทนที่พระองค์จะสาปแช่งผู้ที่ทำร้ายพระองค์ พระองค์กลับตรัสว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร” (ลูกา 23:34)
แม้จะไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้อื่น แต่ให้เราทูลขอพระคุณจากพระเจ้าเพื่อปลดปล่อยตัวเราจากความโกรธเคือง หรือความขมขื่นที่เราอาจจะมี พระเยซูทรงต้องการให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และกับผู้อื่น ให้เรายกโทษเหมือนที่พระเจ้าทรงยกบาปผิดให้แก่เรา (มัทธิว 6:12) ให้เราเดินอยู่ในความรักและทำตามแบบอย่างของพระคริสต์
แนนซี่ กาวิลลาเนส
ใคร่ครวญ :เราจะรู้จักให้อภัยมากกว่านี้ได้อย่างไร…
ลูกา 23:34
ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า "โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"
การลักพาตัวพยาบาล แอลิกซ์ ดอร์เซนวิล และลูกสาวของเธอในปี 2023 ขณะอาศัยอยู่ในเฮติกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก แม้ว่าพวกเธอจะถูกจับเป็นตัวประกันถึง 13 วัน แต่แอลิกซ์ ผู้เป็นชาวนิวแฮมป์เชียร์ได้กล่าวว่า เธอไม่ได้โกรธแค้นผู้ลักพาตัวเหล่านั้น และประตูคลินิกของเธอจะเปิดรับพวกเขาหากพวกเขาเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมา เธอกล่าวว่า “ฉันรักพวกคุณในพระคริสต์ และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กอดพวกคุณในสวรรค์”
น่าทึ่งมากที่แอลิกซ์มีความกล้าหาญ มีความแข็งแกร่งที่จะให้อภัยผู้ลักพาตัวเธอได้ แต่เรารู้ว่า พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดแก่เราในเรื่องการแสวงหาพระคุณเพื่อให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา สร้างความหมางใจ หรือปฏิบัติไม่ดีต่อเรา
พระองค์ไม่เพียงบอกให้เรารักศัตรูของเราและอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงเราเท่านั้น (มัทธิว 5:43-48) แต่พระองค์ได้ทรงสำแดงตัวอย่างของการให้อภัยสูงสุดเอาไว้บนไม้กางเขน พระคริสต์ถูกทุบตี ถูกเยาะเย้ย และถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อเราทั้งหลาย แม้ใน “ขณะที่เรายังเป็นศัตรูกับพระองค์” (โรม 5:10) แทนที่พระองค์จะสาปแช่งผู้ที่ทำร้ายพระองค์ พระองค์กลับตรัสว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร” (ลูกา 23:34)
แม้จะไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้อื่น แต่ให้เราทูลขอพระคุณจากพระเจ้าเพื่อปลดปล่อยตัวเราจากความโกรธเคือง หรือความขมขื่นที่เราอาจจะมี พระเยซูทรงต้องการให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และกับผู้อื่น ให้เรายกโทษเหมือนที่พระเจ้าทรงยกบาปผิดให้แก่เรา (มัทธิว 6:12) ให้เราเดินอยู่ในความรักและทำตามแบบอย่างของพระคริสต์
แนนซี่ กาวิลลาเนส
ใคร่ครวญ :เราจะรู้จักให้อภัยมากกว่านี้ได้อย่างไร…
ลูกา 23:34
ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า "โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"
การลักพาตัวพยาบาล แอลิกซ์ ดอร์เซนวิล และลูกสาวของเธอในปี 2023 ขณะอาศัยอยู่ในเฮติกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลก แม้ว่าพวกเธอจะถูกจับเป็นตัวประกันถึง 13 วัน แต่แอลิกซ์ ผู้เป็นชาวนิวแฮมป์เชียร์ได้กล่าวว่า เธอไม่ได้โกรธแค้นผู้ลักพาตัวเหล่านั้น และประตูคลินิกของเธอจะเปิดรับพวกเขาหากพวกเขาเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมา เธอกล่าวว่า “ฉันรักพวกคุณในพระคริสต์ และหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้กอดพวกคุณในสวรรค์”
น่าทึ่งมากที่แอลิกซ์มีความกล้าหาญ มีความแข็งแกร่งที่จะให้อภัยผู้ลักพาตัวเธอได้ แต่เรารู้ว่า พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดแก่เราในเรื่องการแสวงหาพระคุณเพื่อให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา สร้างความหมางใจ หรือปฏิบัติไม่ดีต่อเรา
พระองค์ไม่เพียงบอกให้เรารักศัตรูของเราและอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงเราเท่านั้น (มัทธิว 5:43-48) แต่พระองค์ได้ทรงสำแดงตัวอย่างของการให้อภัยสูงสุดเอาไว้บนไม้กางเขน พระคริสต์ถูกทุบตี ถูกเยาะเย้ย และถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อเราทั้งหลาย แม้ใน “ขณะที่เรายังเป็นศัตรูกับพระองค์” (โรม 5:10) แทนที่พระองค์จะสาปแช่งผู้ที่ทำร้ายพระองค์ พระองค์กลับตรัสว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร” (ลูกา 23:34)
แม้จะไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับผู้ที่ทำร้ายผู้อื่น แต่ให้เราทูลขอพระคุณจากพระเจ้าเพื่อปลดปล่อยตัวเราจากความโกรธเคือง หรือความขมขื่นที่เราอาจจะมี พระเยซูทรงต้องการให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์และกับผู้อื่น ให้เรายกโทษเหมือนที่พระเจ้าทรงยกบาปผิดให้แก่เรา (มัทธิว 6:12) ให้เราเดินอยู่ในความรักและทำตามแบบอย่างของพระคริสต์
แนนซี่ กาวิลลาเนส
ใคร่ครวญ :เราจะรู้จักให้อภัยมากกว่านี้ได้อย่างไร…
ในระหว่างที่ไปร่วมทีมมิชชั่นเพื่อการประกาศในประเทศบราซิล เราได้ช่วยกันสร้างอาคารคริสตจักรในป่าอเมซอน พวกเราประกอบส่วนต่างๆของคริสตจักรเหมือนการต่อเลโก้ขนาดใหญ่บนฐานรากที่สร้างไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสา กำแพงคอนกรีต คานเหล็กสำหรับหลังคา และกระเบื้องมุงหลังคา จากนั้นเราก็ทาสีกำแพง
บางคนรู้สึกกังวลเพราะไม่แน่ใจว่าเราจะสร้างคริสตจักรให้เสร็จในช่วงฤดูมรสุมได้ แต่โดยพระคุณของพระเจ้าฝนที่ตกหนักก็เว้นระยะไป แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่โดยความช่วยเหลือของคนท้องถิ่นสองสามคน เราทำงานเสร็จได้ในเวลาที่รวดเร็ว
เมื่อเนหะมีย์และชนอิสราเอลที่กลับจากการเป็นเชลยพยายามสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่ พวกเขาพบกับอุปสรรคมากมาย เมื่อศัตรูรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังทำ เหล่าศัตรูพากันโกรธเกรี้ยวและสบประมาทพวกเขา (นหม.4:1-3) แต่เนหะมีย์อธิษฐานและประชาชนก็บากบั่นร่วมกัน “เราจึงสร้างกำแพงขึ้น และกำแพงทั้งสิ้นก็ต่อกันสูงครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนมีน้ำใจที่จะทำงาน” (ข้อ 6) เมื่อศัตรูขู่ที่จะโจมตี คนอิสราเอลร่วมใจอธิษฐานและจัดเวรยามระหว่างทำงาน (ข้อ 7-23) พวกเขาสร้างกำแพงขึ้นใหม่ภายในเวลา 52 วัน
บางครั้งเราต้องเผชิญกับภารกิจที่น่าหวาดหวั่น มีอุปสรรคปรากฏอยู่ตามเส้นทาง เราและพี่น้องในพระคริสต์อาจรู้สึกหมดหวัง แต่ในเวลาเช่นนี้อาจเป็นช่วงเวลาแห่งชัยชนะได้โดยการช่วยเหลือจากพระเจ้า จงวางใจว่าพระองค์จะช่วยยับยั้งพายุฝน และจงเพ่งมองไปที่พระองค์ผู้ทรงนำเราสู่ชัยชนะ
ตอนวัยรุ่น ฉันหลงใหลในการเล่นสเก็ตลีลา ฉันชอบการผสมผสานระหว่างศิลปะและความแข็งแกร่งของนักกีฬาบนลานน้ำแข็ง ทั้งการหมุนตัวอย่างรวดเร็ว กระโดดสูง และท่าทางที่สมบูรณ์แบบ หลังชมการแสดงของนักสเก็ตมืออาชีพหลายคน ในที่สุดฉันก็มีโอกาสไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งและเข้าชั้นเรียนแบบกลุ่ม นอกจากเรียนวิธีไถสเก็ตและหยุดแล้ว เรายังได้เรียนรู้ทักษะสำคัญที่สุดบางประการสำหรับนักสเก็ตทุกระดับ นั่นคือวิธีล้มและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาฉันได้เรียนวิธีหมุนตัวและกระโดดหลายรอบในชั้นเรียนส่วนตัว แต่ก็ต้องพึ่งหลักการพื้นฐานในการลุกหลังจากล้มเสมอ
เราไม่จำเป็นต้องเป็นนักกีฬาก็รู้ว่า “การล้ม” เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต บางครั้งเราล้มเพราะทำบาป เราสะดุดเพราะความผิดพลาด หรือถูกสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสทำให้ล้มลง เราอาจพบว่ากำลังถูกมารร้ายโจมตีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง “เราถูก...ข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย” (2 คร.4:8-9) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เราทุกคนต่างก็ล้มลงและประสบกับความล้มเหลวในชีวิต
แต่เราไม่ควรใช้ชีวิตอยู่กับความพ่ายแพ้ อับอาย หรือเสียใจ เมื่อศัตรูหมอบคอยอยู่ใกล้ๆและพยายามจะปล้นเรา (สภษ.24:15) เราจำเป็นต้องระลึกว่าพระเจ้าทรงต่อสู้แทนเราและจะทรงช่วยให้เราลุกขึ้นอีก “เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก” (ข้อ 16)
เมื่อเราล้มลง ให้เรารีบหันไปหาพระเจ้าและมุ่งมองไปที่พระองค์ผู้ประทานกำลังให้เราลุกขึ้นได้อีกครั้ง
สมัยที่เป็นนักข่าว ฉันสนุกกับการเล่าเรื่องราวของคนอื่นและถูกฝึกไม่ให้แสดงความคิดเห็นของตัวเอง หลายปีหลังจากที่ฉันรู้สึกว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ออกจากอาชีพสื่อสารมวลชน ตอนนั้นฉันรู้สึกชัดเจนขึ้นว่าพระเจ้าทรงนำให้ฉันเขียนบล็อกและเล่าเกี่ยวกับพระองค์ ฉันรู้สึกกังวลนิดหน่อยที่ต้องแสดงความคิดเห็นออกมาโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อของฉัน เมื่อฉันเริ่มเขียนบล็อก ฉันกลัวว่าจะหมดเรื่องที่ต้องการจะพูด แต่สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าฉันพบถ้อยคำหนุนใจและข้อคิดสำหรับแบ่งปัน ยิ่งฉันเขียนมากเท่าไร ความคิดก็ยิ่งหลั่งไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่
ฉันได้เห็นกับตาในชีวิตของฉันเองว่าพระเจ้าทรงเติมเต็มฉันด้วยความชื่นชมยินดีและแรงบันดาลใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันทุ่มเทของประทานและความสามารถเพื่อรับใช้ผู้อื่น
ใน 2 พงศ์กษัตริย์ เราอ่านเรื่องของหญิงม่ายยากจนคนหนึ่งที่ไปขอความช่วยเหลือจากผู้เผยพระวจนะเอลีชา เจ้าหนี้ของสามีผู้ล่วงลับของเธอต้องการจับลูกชายสองคนของเธอไปเพื่อชดใช้หนี้ สิ่งที่เธอมีที่บ้านมีแค่น้ำมันมะกอกหนึ่งไหเล็กๆ ผู้เผยพระวจนะสั่งให้เธอไปยืมภาชนะเปล่าจากเพื่อนบ้านมาและให้เทน้ำมันลงในภาชนะไปเรื่อยๆ “บุตรส่งภาชนะมาให้ และนางก็เทน้ำมัน” (4:5) หญิงนั้นเทน้ำมันไปเรื่อยๆจนเต็มภาชนะทั้งหมดอย่างอัศจรรย์ เธอสามารถใช้หนี้ของครอบครัวได้ด้วยน้ำมันส่วนที่เกินจากการใช้งานของเธอ
พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและทรงจัดเตรียมให้เสมอ พระองค์ทรงอวยพรเราด้วยของประทานและพรสวรรค์ และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เราเป็นพรแก่ผู้อื่น อย่าซ่อนหรือเพิกเฉยต่อของประทานของเรา แต่จงใช้มันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ขณะที่ฉันอยู่ในงานประกาศครั้งหนึ่งในระหว่างการเดินทางไปทำพันธกิจระยะสั้นที่ประเทศเปรู มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาขอเงินฉัน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทีมของฉันได้รับคำแนะนำว่าอย่าให้เงินใคร แล้วฉันจะช่วยเขาอย่างไร แล้วฉันก็นึกถึงคำตอบของอัครทูตเปโตรและยอห์นที่บอกคนง่อยในกิจการ 3 ฉันอธิบายให้เขาฟังว่าฉันให้เงินเขาไม่ได้ แต่ฉันสามารถแบ่งปันข่าวดีเรื่องความรักของพระเจ้ากับเขาได้ เมื่อเขาบอกว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า ฉันบอกเขาว่าพระเจ้าทรงต้องการเป็นพ่อของเขา เขาก็ร้องไห้ และฉันได้แนะนำเขากับสมาชิกคนหนึ่งของคริสตจักรที่จัดงานให้ดูแลเขาต่อไป
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าคำพูดที่มีนั้นไม่เพียงพอ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถเสริมกำลังเราเมื่อเราแบ่งปันเรื่องของพระเยซูกับผู้อื่น
เมื่อเปโตรและยอห์นได้พบชายคนนั้นที่ลานพระวิหาร พวกเขารู้ว่าการแบ่งปันเรื่องของพระคริสต์เป็นของขวัญที่ดีที่สุด “เปโตรกล่าวว่า ‘เงินและทองเราไม่มี แต่ที่เรามีอยู่เราจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด’” (ข้อ 6) ชายคนนั้นได้รับความรอดและการรักษาในวันนั้น พระเจ้ายังคงใช้เราเพื่อนำผู้ที่หลงหายมาหาพระองค์
ขณะที่เรามองหาของขวัญที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้ผู้อื่นในช่วงคริสต์มาสนี้ ให้เราจดจำว่าของขวัญที่แท้จริงนั้นคือการได้รู้จักพระเยซู และได้รับของขวัญแห่งความรอดนิรันดร์ที่พระองค์มอบให้กับเรา ขอให้เรายังคงแสวงหาที่พระเจ้าจะทรงใช้เราต่อไปเพื่อนำผู้คนมาหาพระผู้ช่วยให้รอด
ฉันได้ติดตามและอธิษฐานเผื่อเพื่อนนักเขียนคนหนึ่งที่โพสต์เรื่องราวการรักษาโรคมะเร็งของเธอ เธอเล่าความคืบหน้าของอาการทางร่างกายและความท้าทายต่างๆ สลับกับขอการอธิษฐานเผื่อพร้อมกับข้อพระคัมภีร์และการสรรเสริญพระเจ้า เป็นสิ่งสวยงามที่ได้เห็นรอยยิ้มอันกล้าหาญของเธอไม่ว่าจะอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอการรักษา หรืออยู่ที่บ้านโดยมีผ้าโพกศีรษะเนื่องจากผมร่วง ในความท้าทายแต่ละครั้งเธอไม่เคยพลาดที่จะหนุนใจผู้อื่นให้ไว้วางใจพระเจ้าในท่ามกลางความทุกข์ยาก
ขณะกำลังเผชิญความยากลำบาก อาจเป็นเรื่องยากที่เราจะหาเหตุผลมาขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้า แต่สดุดี 100 ได้ให้เหตุผลที่เราจะชื่นชมยินดีและสรรเสริญพระเจ้าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “จงรู้เถิดว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า คือพระองค์เองที่ทรงสร้างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์” (ข้อ 3) และท่านยังกล่าวอีกว่า “เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงเป็นนิตย์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์” (ข้อ 5)
ไม่ว่าเราจะพบเจอการทดลองอะไร เราอุ่นใจได้เมื่อรู้ว่าพระเจ้าอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ (34:18) ยิ่งเราใช้เวลากับพระเจ้าในการอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ เราก็จะยิ่ง “เข้าประตูของพระองค์ด้วยการโมทนา และเข้าบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ” และ “ถวายโมทนาขอบพระคุณพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์” ได้มากขึ้นเท่านั้น (100:4) เราสามารถ “เปล่งเสียงชื่นบานถวายแด่พระเจ้า” (ข้อ 1) เพราะพระเจ้าของเราทรงสัตย์ซื่อ